กลูต้าไธโอนเทียบเท่าการกินมะเขือเทศ 39 ลูก

มะเขือเทศ (Tomato) ชื่อทางวิทยาศาสตร์ LycopersiconEsculentum Mill มะเขือเทศจัดเป็นผลไม้ชนิดหนึ่ง ซึ่งหลายคนอาจจะเข้าใจว่ามะเขือเทศเป็นพืชผักสวนครัวชนิดหนึ่ง ความจริงมะเขือเทศจัดอยู่ในประเภทผลไม้ และเป็นผลไม้ที่ได้รับความนิยมมาก เพราะนอกจากสามารถนำมารับประทานแบบสดได้แล้ว และสามารถแปรรูปได้อีกหลายอย่าง

เราน่าจะพอทราบอยู่แล้วว่ามะเขือเทศมีสารอาหารที่เป็นประโยชน์ต่อร่างกาย แต่เราจะมาบอกถึงคุณประโยชน์ของมะเขือเทศทั้งหมด ในมะเขือเทศมีทั้งเกลือแร่และวิตามินหลายตัว เช่น วิตามินซี ช่วยในการทำงานของกระบวนการการผลัดเซลล์ผิว สามารถป้องกันและรักษาวิตามินเค ช่วยให้เกร็ดเลือดแข็งแรง ลดอาการเลือกออกตามไรฟัน วิตามินพี ช่วยบำรุงให้เส้นเลือดฝอยมีความแข็งแรง วิตามินเอ ที่ช่วยเรื่องการบำรุงสายตาและยังมี วิตามินบี 1 วิตามินบี 2 ธาตุแคลเซียม ธาตุฟอสฟอรัส ธาตุเหล็ก รวมถึงกรดอะมิโน ที่ช่วยเพิ่มรสชาติให้อาหาร นอกจากนี้ยังมีสารที่สำคัญที่ได้รับความสนใจเป็นพิเศษ คือ สารไลโคปีน (Lycopene) เป็นสารที่อยู่ในกลุ่มแคโรทีนอยด์ (Carotenoid) พบมากในผักผลไม้ที่มีสีส้มและสีแดง เช่น มะเขือเทศ แตงโม มะละกอ แครอท เป็นต้น โดยที่มีสรรพคุณต้านอนุมูลอิสระ ช่วยป้องกันการเสื่อมสภาพของเซลล์ในร่างกาย ลดความเสี่ยงที่จะเกิดโรคมะเร็งต่อมลูกหมากชะลอความแก่ ต้านการอักเสบ ช่วยลดไขมันและน้ำตาลในเลือด

best replica watches
  

ซึ่งรู้หรือไม่ในมะเขือเทศ 1 ลูก มีกลูต้าไธโอน (Glutathione) อยู่ 39 มิลลิกรัมเท่านั้น ซึ่งใน 1 วัน ร่างกายคนเราต้องการกลูต้าไธโอน 1500 มิลลิกรัม ดังนั้นเท่ากับว่าเราต้องรับประทานมะเขือเทศ 39 ลูกถึงจะได้กลูต้าไธโอนครบ 1500 มิลลิกรัม

กลูต้าไธโอน คืออะไร ?
 
เป็นสารที่ร่างกายสามารถผลิตขึ้นมาเองโดยธรรมชาติ ผู้ที่มีร่างกายแข็งแรงจะพบว่ามีกลูต้าไธโอนในปริมาณสูง แต่หากคนป่วยหรือมีสุขภาพที่ไม่ดี จะพบปริมาณกลูต้าไธโอนในร่างกายต่ำมากกลูต้าไธโอน เป็นโปรตีนชนิดหนึ่งที่ประกอบด้วยอะมิโนที่สำคัญ 3 ชนิด คือ ซิสเตอิน (Cystein) ไกลซิน (Glycine) และกลูต้าเมท (Glutamate) เซลล์ในร่างกายสามารถผลิตกลูต้าไธโอนได้เอง และถูกผลิตมากบริเวณ ตับ ปอด ไต ม้าม ตับอ่อน และเลนส์แก้วตา ซึ่งในกลูต้าไธโอนจะเป็นตัวสำคัญที่ช่วยให้ร่างกายแข็งแรง โดยหน้าที่หลักที่สำคัญมี 4 ประการ คือ

1. สร้างภูมิคุ้มกันให้ร่างกาย โดยที่จะกระตุ้นการสร้างเม็ดเลือดขาวเพื่อต่อสู้กับเชื้อโรคต่างๆ ทั้งไวรัส แบคทีเรีย และสิ่งแปลกปลอมอื่นๆ ที่จะเข้าสู่ร่างกาย รวมทั้งเซลล์มะเร็ง

2. กำจัดสารพิษที่เข้ามาในร่างกาย โดยที่จะทำการจับสารพิษที่ไม่ละลายน้ำให้เปลี่ยนเป็นสารที่ละลายน้ำได้ และกำจัดออกทางไตหรือทางลำไส้ ทำให้ในตับและไตเป็นอวัยวะที่มีของเสีย และสารพิษสะสมมากที่สุด จึงทำให้พบกลูต้าไธโอนถูกผลิตออกมาในปริมาณมาก เพื่อทำหน้าที่กำจัดของเสีย และอีกทีหนึ่งคือ ปอด ก็จะพบกลูต้าไธโอนในปริมาณสูง เพื่อกำจัดของเสียจากการที่คนเราหายใจเอาฝุ่นละอองและควันพิษเข้าปอด

3. เป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่มีฤทธิ์แรง ผลิตขึ้นเองจากเซลล์ในร่างกายโดยธรรมชาติ ช่วยต้านการอักเสบ ปกป้องเซลล์ให้แข็งแรง ช่วยการไหลเวียนของระบบเลือด รักษาการทำงานของหัวใจและปอด และชะลอความเสื่อมโทรมของร่างกาย

4. กระตุ้นการสร้างและซ่อมแซม เซลล์และดีเอ็นเอที่สึกหรอ เป็นส่วนสำคัญในการสังเคราะห์โปรตีนและไขมัน กระตุ้นการทำงานของเอ็นไซม์ชนิดต่างๆ

กลูต้ามิโนพลัส Glutamino+ ดีกว่ากลูต้าไธโอนอื่นอย่างไร ?

ร่างกายเราสามารถดูดซึมได้ดี เพราะมีโมเลกุลอยู่ในรูป Reduce form เทคโนโลยี Sustain release ช่วยให้เม็ดกลูต้ามิโนพลัสสลายตัวที่ลำไส้เล็ก ซึ่งเป็นส่วนที่ดูดซึมสารอาหารได้มากที่สุด ทำให้ได้ประโยชน์จากการรับประทานอย่างเต็มที่ ในกลูต้ามิโนพลัสบริสุทธิ์ไม่ผสมแป้ง ใช้เทคโนโลยีขั้นสูงในการอัดเม็ด ไม่ทำให้อ้วน มี L-Cysteine ในปริมาณมากถึง 500 มิลลิกรัม ที่ถือว่าเป็นสารตั้งต้นกระตุ้นให้ร่างกายผลิตกลูต้าไธโอน และยังมีปริมาณสูง




 

กลูต้ามิโนพลัสจะมี L-Glutathione ที่เป็นกรดอะมิโนที่สำคัญในการต่อต้านอนุมูลอิสระ และยับยั้งการสร้างเม็ดสีเมลานิน ซึ่งเป็นสาเหตุการเกิดกระ ฝ้า และจุดด่างดำ นอกจากนี้ผู้ที่มีสภาพการทำงานของตับบกพร่อง ผู้ที่ทานแอลกอฮอล์เป็นประจำ รวมทั้งผู้ป่วยโรคตับอักเสบ หรือตับแข็ง จะพบ L-Glutathione ในตับมีปริมาณ ไม่เพียงพอต่อการนำไปใช้ประโยชน์ได้ จำเป็นต้องได้รับเสริมเข้าไปโดยตรงจากแหล่งอาหารอื่นๆ เช่น ผัก ผลไม้ เนื้อสัตว์บางชนิด รวมทั้งที่อยู่ในรูปของผลิตภัณฑ์เสริมอาหารด้วย


ขอขอบคุณข้อมูลส่วนหนึ่งจาก thairath.co.th , pharmacy.mahidol.ac.th