5 ข้อหยุด โยโย่

19 ต.ค. 2558 14:21 น. | เปิดอ่าน 6,181

0 Share
This
Page

ยุค healthy ใครๆ ก็อยากหุ่นดี จริงไหม?? แต่นิสัยในการทานอาหาร ยังคงทานตามใจปากเช่นเดิม แต่อยากผอม!!! ทำไงหละ ก็หาทางลัดต่างๆ สรรหายาหรือ อาหารเสริมมาควบคุมน้ำหนักของตัวเอง ทำทุกวิถีทางให้ตัวเองดูดี โดยที่ไม่ออกกำลังกาย กลับชอบตัวช่วยที่ทำให้น้ำหนักลงอย่างรวดเร็ว ผลที่ตามมาทำให้บางคนเกิดอาการ โยโย่

1. เอ๊ะ โยโย่ คืออะไร ??
                โยโย่เอฟเฟกต์ คือ เมื่อหยุดลดน้ำหนัก แล้วกลับมาใช้ชีวิตเหมือนคนปกติทั่วไป ทานข้าวสามมื้อไม่ทานของจุกจิกแต่น้ำหนักตัวกลับค่อยๆ เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ จนอาจจะกลับมาเท่าเดิมหรือมากกว่าเดิมคะ
                แต่หากวิธีการลดน้ำหนักไหนก็ตาม เมื่อหยุดลดน้ำหนักแล้ว กลับมาใช้ชีวิตเหมือนคนปกติทั่วไป ทานข้าวสามมื้อไม่ทานของจุกจิก แล้วน้ำหนักตัวคงที่ไม่เพิ่มขึ้น วิธีการนั้นจะเรียกว่าไม่ทำให้เกิดโยโย่นะคะ
                ส่วนคนที่ลดน้ำหนักได้ตามที่ต้องการ แล้วกลับมาทานจุกจิกไม่ว่าจะลดน้ำหนักด้วยวิธีการไหนก็ตามก็จะกลับมาอ้วนอยู่ดี (ถ้าไม่เปลี่ยนนิสัยการทานนะจ้ะ)

2. โยโย่เกิดจากอะไร
โยโย่นั้นเกิดจากการลดน้ำหนักด้วยวิธีผิดๆ ที่ทำให้ร่างกายเราเผาผลาญน้อยลง เช่น จากเดิมเผาผลาญประมาณ 2,000 กิโลแคลอรี่ต่อวัน หลังจากลดน้ำหนักไปซักพักหนึ่งแล้ว ระดับการเผาผลาญอาจจะลดลงเป็น 1,200 กิโลแคลอรี่ต่อวัน และนี่จะเป็นจุดเริ่มต้นของโยโย่
วันหนึ่งเมื่อเรากลับมาทานอาหารปกติ ซึ่งเราจะได้พลังงานประมาณ 2,000 กิโลแคลอรี่ต่อวัน แต่ตอนนี้ร่างกายเราเผาผลาญเพียง 1,200 กิโลแคลอรี่ต่อวัน เราก็จะอยู่ในสภาพที่ได้พลังงานจากอาหารที่ทานมากกว่าพลังงานที่ใช้ เราก็จะอ้วนขึ้นนั่นเอง

3. สิ่งที่ทำให้ร่างกายเผาผลาญลดลงขณะลดน้ำหนัก
ส่วนสาเหตุที่ทำให้ร่างกายเรามีอัตราการเผาผลาญลดลงในขณะที่ลดน้ำหนัก มีสาเหตุดังนี้
1. ทานโปรตีนไม่เพียงพอ อย่างที่ได้ทราบไปว่า ยิ่งเรามีโปรตีน (กล้ามเนื้อ) ปริมาณมากเท่าไหร่ ร่างกายเราก็จะยิ่งเผาผลาญพลังงานมากขึ้นเท่านั้น การทานโปรตีนไม่เพียงพอจะทำให้ร่างกายสูญเสียโปรตีนไประหว่างลดน้ำหนักด้วย เมื่อโปรตีนในร่างกายลดลงร่างกายก็จะเผาผลาญลดลงด้วย
2. ได้พลังงานจากอาหารน้อยเกินไป ร่างกายเราประกอบไปด้วยอวัยวะต่างๆ มากมาย ร่างกายเราจึงต้องการพลังงานอย่างน้อย 800 กิโลแคลอรี่ เพื่อให้อวัยวะต่างๆ สามารถทำงานได้ตามปกติ

สิ่งที่จะเกิดขึ้นหากเราทานอาหารได้พลังงานน้อยกว่า 800 กิโลแคลอรี่ก็คือ ร่างกายเราจะคิดว่าอยู่ในสภาวะอดอยากจึงเปลี่ยนระบบการทำงานให้ประหยัดพลังงานที่สุด ทำให้อยู่ในสภาวะคล้ายสัตว์จำศีล อวัยวะแต่ละส่วนจะพยายามทำงานให้น้อยที่สุด ส่งผลให้ร่างกายเราเผาผลาญพลังงานน้อยลง ยิ่งอยู่ในสภาวะที่ได้พลังงานน้อยเกินไปนานแค่ไหน ร่างกายก็จะยิ่งเผาผลาญพลังงานน้อยลงเท่านั้น

คนที่ทานอาหารน้อยเกินไปมักสุขภาพไม่แข็งแรง น้ำหนักลดลงยาก น้ำหนักเพิ่มขึ้นง่าย คนที่มีโรคประจำตัว เช่น โรคหัวใจ โรคเบาหวานหากทานอาหารที่ให้พลังงานน้อยเกินไป อาจจะทำให้อาการทรุดลงจนเสียชิวิตได้จึงควรระวังเป็นอย่างยิ่ง

                นอกจากนี้ การที่ร่างกายทำตัวเหมือนสัตว์จำศีล ร่างกายจะพยายามเก็บไขมันไว้ใช้ในยามจำเป็นให้มากที่สุด ผลก็คือ เราจะมีไขมันสะสมเพิ่มขึ้น มีปัญหาเรื่องสัดส่วนเกินมากขึ้น คนที่ลดน้ำหนักแบบผิดๆ จึงมักจะมีปัญหาเรื่องสัดส่วนเกินมากกว่าคนที่มีน้ำหนักพอๆ กันที่ลดแบบถูกวิธี

4. ทำยังไงไม่ให้โยโย่
วิธีการที่จะทำให้ไม่เกิดโยโย่ ต้องเลือกวิธีการลดน้ำหนักที่ไม่ทำให้การเผาผลาญของร่างกายลดลง นั่นคือ
          1. จะต้องทานโปรตีนให้เพียงพอในระหว่างลดน้ำหนัก
          2. จะต้องทานอาหารให้ได้พลังงานไม่ต่ำกว่า 800 กิโลแคลอรี่ต่อวัน

5. มีเวลาให้ร่างกายได้ปรับตัว
อย่างไรก็ตาม แม้ว่าจะลดน้ำหนักด้วยวิธีการที่ไม่ทำให้เกิดโยโย่ จะต้องให้เวลาร่างกายปรับตัว เพื่อไม่ให้เกิดปัญหาน้ำหนักเพิ่มขึ้นมาหลังจากหยุดลดน้ำหนัก
เนื่องจากร่างกายจะทำงานในลักษณะที่มีการเก็บข้อมูลของร่างกายเอาไว้ คล้ายๆ กับการมีหน่วยความจำ (memory) เล็กๆที่คอยเก็บข้อมูลเรื่องน้ำหนักและเรื่องต่างๆ เอาไว้เพื่อให้ร่างกายเราทำงานได้อย่างเหมาะสม

ฉะนั้นเมื่อลดน้ำหนักได้ตามที่ต้องการแล้ว จะต้องคงสภาพการทานการออกกำลังกายเหมือนตอนที่ลดน้ำหนักต่อไปอีก แล้วค่อยๆ ปรับการทานอาหารให้ครบ 5 หมู่และการออกกำลังกายให้กลับมาเป็นปกติ โดยให้เวลาร่างกายในการปรับตัวประมาณ 3-6 เดือน เพื่อให้ร่างกายสามารถจดจำน้ำหนักนั้นได้ หลังจากนั้น ก็สามารถกลับมาใช้ชีวิตตามปกติ โดยที่ไม่ทำให้เกิดโยโย่ขึ้นค่ะ

ติดตามช่องทางของ iWishproducts ได้ที่นี่
Facebook : iWishproducts
Instagram : iWishproducts
Youtube : iWishproducts
LINE : @iwishproducts
Tel : 096 214 2041 2

ติดตามความเคลื่อนไหว ข่าวสาร โปรโมชั่น IWish บน Facebook คลิกที่นี่!!